วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

แบบสอบถาม

ต้นจาก

ต้นจาก  ( nypa palm )









ชื่อภาษาอังกฤษ : Nypa, Atap palm, Nipa palm, Mangrove palm 
ชื่อวิทยาศาสตร์  : Nypa fruticans Wurmb. 
ชื่อวงศ์ : ปาล์ม  (Arecaceae หรือในชื่อเดิมคือ Palmae) เช่นเดียวกับตาล ตาว ลาน หวาย และ                           มะพร้าว และต้นจากมีชื่ออื่นอีก คือ อัตต๊ะ โดยมีถิ่นกำเนิดอยู่ในบริเวณชายฝั่งทะเลของ                           ประเทศไทย

ชื่อสามัญว่า : Nipa Palm 

วงศ์ย่อย : Nypoideae 

          ต้นจากซึ่งมีสกุลเดียว (Nypa) และเป็นปาล์มเพียงชนิดเดียวที่เป็นพืชในป่าชายเลน และมีลำต้นอยู่ใต้ดิน นับเป็นพืชเก่าแก่มากชนิดหนึ่ง ที่มีซากดึกดำบรรพ์อายุถึง 70 ล้านปี จากพบได้ทั่วไปในเอเชียใต้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งในบริเวณน้ำจืด และน้ำกร่อย ที่มีน้ำเค็มขึ้นถึง มักจะขึ้นเป็นดงขนาดใหญ่ เรียกว่า ป่าจาก หรือดงจาก จากสามารถเติบโตได้ดีในดินโคลน ตามป่าชายเลน หรือบริเวณริมคลองที่มีไม้ให้ร่มเงาปะปนอยู่ด้วย มักอยู่ในช่วงที่มีน้ำจืดและน้ำกร่อยปนกัน แต่บนบกที่น้ำท่วมถึงและพบจากได้บ้างเช่นกัน หากดินไม่แห้งแล้งนานจนเกินไป

ลักษณะทางพฤกศาสตร์ของจาก

ลักษณะทางพฤษศาสตร์ของต้นจาก





  • ต้นจาก เป็นปาล์มแตกกอจากลำต้นใต้ดินหรือลำต้นที่เลื้อยไปบนดิน โดยโผล่ก้านใบและตัวใบขึ้นมาอยู่เหนือดิน ลำต้นจะแตกแขนงอยู่ใต้ดินทำให้ขึ้นเป็นก่อๆ และหลายทอด ต้นจากมีความสูงประมาณ 3 เมตร เจริญเติบโตได้ดีในดินเหนียว มีอินทรียวัตถุสูง และมีน้ำท่วมขัง ชอบแสงแดดจัด

  • ใบจาก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก เรียงตรงข้ามกัน มีใบย่อยเป็นรูปขอบขนาน มีความกว้างประมาณ 5-6 เซนติเมตร และยาวประมาณ 90-120 เซนติเมตร แผ่นใบหนา ปลายใบลักษณะเรียวแหลม โคนใบเป็นรูปลิ่ม (ลักษณะคล้ายใบมะพร้าว) และเป็นรูปรางน้ำคว่ำ ที่ผิวใบด้านบนมีสีเขียวเข้มเป็นมัน ส่วนผิวใบด้านล่างมีสีนวล ส่วนกาบใบใหญ่ห่อโคนต้น ก้านใบที่แตกใหม่จะเป็นสีม่วงแดง[1],[2] ส่วนโคนใบจะมีกะเปาะอากาศ เป็นตัวช่วยพยุงให้ใบชูขึ้นเหมือนชูชีพ ส่วนกาบใบนี้บางครั้งจะเรียกว่า “พอนใบ” ส่วนช่อดอกที่แทงออกมาเรียกว่า “นกจาก


  • ดอกจาก ดอกมีสีเหลือง ออกดอกเป็นช่อแบบกระจุกแน่นระหว่างกาบใบ ดอกเป็นรูปกลม ดอกเป็นแบบแยกเพศอยู่ในต้นเดียวกัน ช่อดอกจะชูตั้งขึ้นและโค้งลง มีความยาวประมาณ 25-65 เซนติเมตร ออกดอกได้ตลอดทั้งปี







  • ผลจาก ผลเอยู่รวมกันเป็นช่อ มีผลย่อยอยู่เป็นจำนวนมากเป็นกระจุกเรียกว่า “โหม่งจาก” ลักษณะของผลเป็นรูปทรงไข่กลับ (คล้ายกับผลระกำ แต่ไม่มีหนาม) แบนและนูนตรงกลาง ผลมีสีน้ำตาลเรียบเป็นมัน มีความกว้างประมาณ 3-10 เซนติเมตร และยาวประมาณ 6.5-7.5 เซนติเมตร ผลมีสันแหลมหรือมีร่องผลประมาณ 9-10 ร่อง ข้างในมีเนื้อเมล็ดสีขาว มีปริมาณของเนื้อไม่มากนัก และใช้รับประทานได้ มีรสชาติคล้ายกับลูกตาลสด ภายในผลมีเมล็ดเมล็ดมีลักษณะเป็นรูปไข่ มีสีขาว
*** ลูกจาก กับ ลูกชิด จะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน โดยลูกจากจะมาจากต้นจาก ส่วนลูกชิดจะมาจากต้นตาว ซึ่งทั้งต้นจากและต้นตาวนั้นจัดอยู่ในวงศ์เดียวกัน เลยทำให้คิดไปว่าจากกับชิดคือพืชชนิดเดียวกัน หรือมักจะสับสนแล้วเรียกชื่อสลับกัน (กาพย์เห่เรือ ในรัชกาลที่ 2)

ประโยชน์ของจาก



ประโยชน์ของจาก






  1. ประโยชน์ของต้นจาก นิยมใช้ปลูกเพื่อประดับริมน้ำกร่อย หรือริมทะเล หรือในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง หรือใช้ปลูกเพื่อเป็นแนวกับลม เพื่อช่วยลดเสียงรบกวน ส่วนผลมีลักษณะที่สวยงาม ใช้ปลูกเป็นไม้กระถางประดับได้เช่นกัน[1]
  2. หากย้อนไปเมื่อสมัยก่อนนั้นการปลูกจากนั้นยังถือเป็นการจับจองที่ดิน หากใครปลูกในบริเวณไหนก็จะถือว่าเป็นที่ดินของคนนั้น ซึ่งปลูกโดยวิธีการลงแขก ผู้ที่ไปช่วยปลูกจะเป็นพยานในการจับจองที่ดินด้วย
  3. ประโยชน์ต้นจากที่เหลือใช้ สามารถนำมาใช้ทำเป็นเชื้อเพลิงได้
  4. ประโยชน์ของลูกจากอ่อน หรือ ผลอ่อน สามารถนำมาไปแกงทำเป็นอาหาร ต้มกินกับน้ำพริก ใช้เป็นผักเหนาะน้ำพริก กินร่วมกับแกงไตปลา ทำเป็นแกงกะทิ ฯลฯ หรือหากปล่อยให้อ่อนพอเหมาะ หรือลูกจากหนุ่มก็ผ่าเอาเมล็ดมารับประทานสดเป็นผลไม้ได้ หรือจะนำมาลอยแก้ว หรือใช้เชื่อมรับประทานเป็นขนมหวานหรือทานร่วมกับไอศกรีมก็อร่อยไม่ใช่น้อย
  5. ผลจากที่สุกแล้วจะมีเนื้อเยื่อสีขาวและใส นุ่มมีรสหวาน ใช้รับประทานเป็นของหวาน หรือที่เรียกว่า “ลูกจากเชื่อม”
  6. ผลอ่อนที่แตกหน่อ จะมีจาวจากอยู่ข้างใน สามารถนำมารับประทานได้เช่นเดียวเหมือนจาวมะพร้าวและจาวตาล
  7. น้ำหวานของต้นจาก (ปลายช่อดอก) หรือที่เรียกว่า “น้ำตาลจาก” มีรสชาติเหมือนกับน้ำตาลโตนด และยังสามารถนำไปเคี่ยวเพื่อทำเป็น “น้ำผึ้งจาก” ได้ด้วยและจะได้ “น้ำตาลปึก” เมื่อเคี่ยวต่อไปก็จะได้เป็น “ตังเม” ซึ่งเป็นขนมที่เด็กจะชอบกันมากหรือจะนำไปหมักเพื่อเป็น “น้ำส้มจาก” ก็ได้เช่นกัน โดยน้ำส้มจากเมื่อนำไปหมักผสมกับอาหารกุ้งก็จะช่วยทำให้น้ำในบ่อกุ้งไม่เน่าเสียอีกด้วย และยังใช้น้ำส้มจากเพื่อนำไปทำเป็น ”น้ำตาลเมา” ก็ได้
  8. งวงจากหนุ่ม สามารถนำมาใช้ทำเป็นไม้กวาด หรือทำเป็นแส้สำหรับปัดแมลงได้ หรือทำชดหรือแปรงล้างกระบอกตาลตอนทำน้ำตาลจาก
  9. ใบจากสามารถนำมาใช้ห่อขนมจาก ใช้ทำแมงดากันฝน ทำเป็นของเล่นหรือลูกโตน ส่วนใบแก่จะเย็บเป็นตับจากแล้วนำมาใช้มุงหลังคาหรือใช้กั้นฝาบ้านได้ หรือทำกระแชงที่มีลักษณะคล้ายกับเต็นท์ แถมยังกันความร้อนได้ดีกว่าเต็นท์อีกด้วย หรือนำมาทำเป็นเพิงสำหรับอาศัยพักผ่อนของชาวไร่ชาวสวน ใช้ทำเป็นหมวกที่เรียกว่า “เปี้ยว” หรือจะใช้กันแดดกันฝนบนเรือแจวก็ได้ นอกจากนี้ยังนำมาใช้ทำฝาชีสำหรับครอบกับข้าว หรือทำเป็นฝาซึงสำหรับนึ่งอาหาร เพราะใบจากจะทนทานต่อความร้อนได้ดี เปรียบเสมือนกันความร้อน ส่วนก้านใบที่ลิดใบแล้วใช้ทำไม้กวาดและทำเสวียนหม้อได้
  10. ใบอ่อนที่เพิ่งแตกยอดใช้ทำมวนบุหรี่สูบ ทำเสวียนหม้อ ตอกบิด ห่อขนมจาก นอกจากนี้ยังใช้ทำที่ตักน้ำที่เรียกว่า “หมาจาก” สำหรับใช้วิดน้ำในเรือได้ แถมยังดีกว่าหมาวิดน้ำแบบอื่นๆ เพราะหมาจากนั้นไม่กินเนื้อไม้ ทำให้เนื้อไม่มีเสีย เรือไม่ทะลุ
  11. พอนจาก หรือ ปงจาก ใช้ทำเป็นทุ่นสำหรับเกาะตอนว่ายน้ำเพื่อไม่ให้จม หรือนำไปทำเป็นของเล่นสำหรับเด็ก เช่น ทำเป็นดาบ ปืน เรือ ฯลฯ นอกจากนี้ส่วนที่เหนือขึ้นไปเล็กน้อยของพอนจากก็สามารถนำมาตัดทำเป็นไม้ดอกตีเงี่ยงปลาสำหรับชาวประมงได้ด้วย (โดยเลือกตัดเอาเฉพาะพอนจากที่มีขนาดพอดีมือ) หรือนำมาใช้ทำเป็นเชื้อเพลิงก็ได้[4]
  12. ทางจาก สามารถนำมาทำปลอกสำหรับแจวเรือได้ โดยมีข้อดีกว่าปลอกแจวแบบเป็นเชือกไนลอนคือจะมีความเหนียวกว่า แต่ก็มีข้อเสียคือไม่ทนทานเท่าไหร่นัก นอกจากนี้ยังใช้ทำตับจากได้อีก แต่นำมาใช้ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะไม่แข็งแรง และชาวประมงก็ยังส่วนของทางจากแก่นำมาทำเป็นตะแกรงสำหรับย่างปลาอีกด้วย

วิธีทำน้ำตาลจาก

วิธีทำน้ำตาลจาก
น้ำตาลจากคือผลผลิตที่ได้จากต้นจากโดยต้องผ่านกรรมวิธีตามขั้นตอนที่มาจากภูมิปัญญาชาวบ้านของ ต.ขนาบนาก อ.ปากพนัง     จ.นครศรีธรรมราชที่ได้สืบสานกันมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันน้ำตาลจากมีลักษณะคล้ายน้ำตาลปี๊ป มีความหวานมากนิยมนำมาเป็นส่วนประกอบของการทำเหล้าและนำมาประกอบการทำอาหารได้อีกด้วย
กระบวนการผลิต
1.  เริ่มจากการน้าวหรือตีงวงตาล(ลูกตาลจาก) เพื่อกระตุ้นให้ต้นตาลผลิตน้ำหวานมาเก็บไว้ที่งวงตาล

2.แล้วต่อมาตัดลูกตาลออกเหลือแต่งวง    
                                                                


3.นำกระบอกไม้ไผ่เกล็ดไม้เคี่ยม 2-3 เกล็ด เป็นสารกันบูด

4.
นำไปแขวนรับน้ำตาลที่งวงตาลในเวลากลางคืน( เริ่มปาดตาลราว 4 -5 โมงเย็น พอค่ำก็เสร็จ) น้ำหวานที่รับได้งวงละ 1 กระบอกในตอนเช้า


5.เก็บกระบอกไม้ไผ่ที่รับน้ำตาลไว้เอามาเก็บรวมกัน


6..นำกระบอกไม้ไผ่ที่รับน้ำหวานจากงวงตาลมารวมกันเพื่อล้างกระบอก

7.เทลงในกระทะเดิมโดยมีกระชอนมารองรับเพื่อกรองไม้ที่ใส่ไว้กันบูด

                                          

8.ตักฟองของน้ำตาลในกระทะออก


9.ใส่ไม้ฟืนเพิ่มเพื่อเพิ่มความร้อน


10.เคี่ยวน้ำผึ้งต่อไปอีกจนเหลือน้ำผึ้ง 1 ใน 3 ของน้ำหวานสด (ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง) น้ำผึ้งจะมีลักษณะข้นคล้ายยางมะตูม
                                                                   
                                                             
11. จึงยกลงจากเตา นำมาโซมด้วยไม้โซมจนข้นเหนียวคล้ายขนมกวน                                                 
                                                                                                                                                                                    

12.บรรจุใส่ปี๊ป พร้อมจำหน่ายในราคาปี๊ปละ 1000 บาท
 ประโยชน์ของผลิตภัณฑ์
                เป็นส่วนประกอบของการทำอาหาร ล่วนผสมหลักของการทำขนมหวาน การทำเหล้าที่ีชาวบ้านในแต่ละละแวกนิยมทานกัน สามารถนำมาจำหน่ายเป็นสินค้า OTOP ของหมู่บ้านนั้นๆได้เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนที่อาศัยอยู่อีกด้วย
          ตลาดของการขายน้ำตาลจาก
 ตลาดของการขายน้ำตาลจากจะจำหน่ายโดยพ่้อค้าคนกลางเพื่อที่จะนำไปส่งต่อหรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิเช่น การทำเหล้า การทำขนมหรืออาหารโดยคิดเป็นราคา1000 ต่อปี๊ป








สรรพคุณทางยาของจาก


สรรพคุณทางยาของจาก



1.    ใบจากนำมาใช้ต้มดื่มแก้แก้อาการท้องร่วงได้

2.    กลีบดอกของดอกจาก สามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมของชาสมุนไพรได้

วิธีเพาะพันธุ์เมล็ดต้นจาก



วิธีเพาะพันธุ์เมล็ดต้นจาก






 ขั้นที่เอาเม็ดมาลอยน้ำครึ่งนึง ใช้จานรองตามรูปนี้
ความสูงของน้ำกำลังดี ทิ้งไว้สักระยะก็จะมีใบโผล่ออกมาจากลูกจาก





ขั้นที่ 2 ภาพตามขวางเวลาผ่าดูเนื้อด้านในขอลลูกจากขณะที่ยอดอ่อนกำลังงอกออกจากลูกจากและจากนั้นรากก็จะงอกตามออกมา






ขั้นที่ 3 หลังจากยอดอ่อนงอกแล้วรากก็จะงอกตามออกมา








ขั้นที่ 4 เมื่อต้นสูงขึ้นก็นำใส่กระถางไว้พอถึงช่วงหน้าร้อนก็นำไปปลูกในพื้นที่ที่ต้องการได้และควรจะมีน้ำขังเพราะจากเป็นพืชที่ชอบน้ำ